King Arthur

          ในดินแดนยุโรปตะวันออก แถบที่กลายมาเป็นรัสเซียในปัจจุบัน มีชนชาตินักรบชนชาติหนึ่ง ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของโรม ที่เรียกว่าพวกซาร์มาเชีย พวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณพรมแดนของอาณาจักรโรมัน จนกระทั่งใน ค.ศ. 175 พวกเขาได้พ่ายสงครามครั้งสำคัญต่อ มาร์คัส ออเรเลียส ในบริเวณที่เป็นกรุงเวียนนาในปัจจุบัน มาร์คัส ออเรเลียส ได้ยื่นข้อเสนอให้ผู้รอดชีวิตได้เลือก : สู้เพื่อโรม หรือตาย พวกซาร์มาเชียเลือกที่จะยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรวรรดิโรมัน และถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพโรมัน โดยมีกองกำลังหน่วยหนึ่งถูกส่งไปยังอียิปต์ และอีกหน่วยหนึ่งถูกส่งไปยังบริเทน พวกทหารและทหารม้าที่ชำนาญในการรบ คอยลาดตระเวนสอดส่องด่านหน้าเหล่านี้อยู่นานหลายปี โดยบรรดาบิดาต่างก็ส่งต่อหน้าที่นี้ให้บุตรของตน เพื่อแลกเปลี่ยนกับสันติภาพจากผู้ปกครอง

          พอถึงศตวรรษที่ 5 แสงเรืองรองของโรมเริ่มเลือนลางลง กลุ่มคนอนารยะเริ่มโจมตีพรมแดนของจักรวรรดิอันกว้างไกล ในบริเทน พวกแซ็กซอนก็เตรียมตัวที่จะโจมตี จากทิศเหนือและตะวันออก

          หน่วยทหารม้าชาวซาร์มาเชีย ภายใต้บังคับบัญชาของ อาร์เธอร์ หรือ ลูเชียส อาโทเรียส แคสทัส (ไคลฟ์ โอเว่น) นายทหารเชื้อสายโรมัน/บริติช ได้รับมอบหมายให้ปกป้องบริเทน จากพวกป่าเถื่อนแซ็กซอน ที่กำลังรุกเข้ามาจากอีกฝั่งของกำแพงเฮเดรียน ทหารใต้สังกัดของแคสทัส ซึ่งประกอบด้วย แลนเซล็อต (โยวัน กริฟฟิธ), กาลาฮัด (ฮิวจ์ แดนซี), บอร์ส (เรย์ วินสโตน), ทริสแทน (แมดส์ มิคเคลสัน) และ ดาโกเน็ต (เรย์ สตีเวนสัน) เป็นหน่วยปฏิบัติการที่แข็งแกร่ง โหดเหี้ยม เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชังของพวกโว้ด ชาวพื้นเมืองที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ เมอร์ลิน (สตีเฟ่น ดิลเลน) พ่อมดหมอผีผู้ลึกลับ และผู้นำทหารกองโจร

          อาร์เธอร์ พร้อมด้วยกองทหารของเขา มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านดินแดนของพวกโว้ด และตรงเข้าไปในใจกลางเขตแดนของศัตรู ภารกิจของเขาคือการช่วยชีวิต มาริอุส (เคน สก็อตต์) ขุนนางชาวโรมันและครอบครัวของเขา ให้ทันเวลาก่อนที่กองกำลังแซ็กซอนจะเคลื่อนพลประชิดเข้ามา หลังจากภารกิจครั้งนี้แล้ว ขบวนคุ้มกันซึ่งมีทั้ง กวิเนเวียร์ (คีร่า ไนต์ลีย์) และผู้หญิงและเด็กชาวบริทัน ก็มุ่งหน้าลงใต้ไปยังกำแพงเฮเดรียน ซึ่งกำหนดจุดสิ้นสุดเขตแดนของจักรวรรดิโรมัน โดยมีกองกำลังแซ็กซอน ซึ่งนำโดย เซดริก (สเตลแลน สการ์สการ์ด) ผู้นำที่เหี้ยมโหด คอยไล่ล่าพวกเขาอยู่อย่างกระชั้นชิด ในระหว่างทาง กวิเนเวียร์เกลี้ยกล่อมอาร์เธอร์ว่า เขาและอัศวินของเขา คือสิ่งเดียวที่กั้นกลาง ระหว่างโจรปล้นสดมภ์ชาวแซ็กซอน กับชีวิตผู้บริสุทธิ์นับพัน

          ท้ายที่สุดแล้ว อาร์เธอร์ และอัศวินของเขา ก็เลือกจุดยืนของตัวเองได้ ในสงครามครั้งสำคัญ ที่จะตัดสินอนาคตของบริเทน สงครามเบดอน ฮิลล์ เป็นการประจันหน้ากันที่ดุเดือดเลือดพล่าน ระหว่างกองทัพมหาศาลของพวกแซ็กซอน ที่พรั่งพรูมาจากทางเหนือ และ อาร์เธอร์ ผู้นำเหล่าอัศวินซาร์มาเชียและชาวบริทัน บทสรุปของสงครามครั้งนี้ มีผลสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของบริเทน และช่วงเวลานี้เอง ที่อาร์เธอร์ตระหนักถึงชะตากรรมที่แท้จริงของเขา และสร้างสรรค์บ่อเกิดแห่งตำนานขึ้นมา